การอ่านตีความ
ดร.บอย |
บางท่านยังไม่สามารถแยกออกระหว่างการตีความกับการสรุปความ
วันนี้จะนำเสนอการตีความ การตีความ คือ การอ่านเพื่อให้ทราบความหมาย หรือความคิดที่สำคัญของเรื่อง การตีความเป็นไปตามประสบการณ์ และความรู้สึกของแต่ละคน ไม่จำเป็นว่า จะต้องตีความเหมือนกันทุกคนไป เราต้องทายใจคนเขียนว่าต้องการให้ผู้อ่านเกิดความคิดหรือความรู้สึกอะไรบ้าง ผู้เขียนมีเจตนาอย่างใด ดังนั้นการอ่านตีความต้องพิจารณาหลาย ๆด้านประกอบกัน เพื่อให้สามารถตีความได้ชัดเจน และเหมาะสมที่สุด ลักษณะการอ่านตีความ อาจถามเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ เช่น การตั้งชื่อเรื่อง การรู้จุดมุ่งหมายผู้เขียน การรู้ความหมายของข้อความ รู้ความสำคัญของเรื่อง รู้ระเบียบวิธีคิด การประเมินข้อความ เป็นต้น ตัวอย่าง จากสภาพของใจ เป็นสภาพเที่ยง เป็นธรรมชาติอันหนึ่งที่มีสภาพไม่รู้จักการสลายตัว แต่ทว่าเราต้องระมัดระวังใจของเราให้มีอารมณ์แจ่มใส รักษาอารมณ์อย่าให้ขุ่นมัว เพราะเราจะดีหรือชั่ว มันอยู่ที่ใจ 1. ข้อความนี้ควรให้ชื่อว่าอะไร ก. สภาพของใจ ข. ธรรมชาตของใจ ค. สำคัญที่ใจ ง. สำรวมใจ ตอบ ค. 2. ความหมายของข้อความนี้คืออะไร ก. แนะนำ ข. สั่งสอน ค. อบรม ง. ปรารภ ตอบ ก. 3. ข้อความนี้ใช้ระเบียบวิธีคิดตามข้อใด ก. วิเคราะห์ ข. สังเคราะห์ ค. ประเมินค่า ง. วิเคราะห์และประเมิน ตอบ ค. 4. ข้อเขียนนี้ใช้วิธีอธิบายตามข้อใด ก. อธิบายตามลำดับขั้นและยกตัวอย่าง ข. ชี้สาเหตุและผลลัพธ์ที่สัมพันธ์กันและยกตัวอย่าง ค. ให้นิยมและยกตัวอย่าง ง. กล่าวซ้ำด้วยถ้อยคำแปลกออกไป และยกตัวอย่าง ตอบ ข 5. ข้อเขียนนี้มีลักษณะตามข้อใด ก. เสนอข้อเท็จจริง ข. แสดงทรรศนะ ค. โต้แย้งโดยใช้ตัวอย่าง ง. โน้มน้าวให้ทำตาม ตอบ ก ถ้าทำได้ซัก 4 ข้อ ก็ถือว่าเข้าใจแล้วครับ สำหรับผู้ที่อ่านภาษาไทย แนะนำให้อ่านหนังสือราชการมาก ๆ ครับ เพราะภาษาราชการเป็นภาษาที่เป็นทางการและถูกต้องที่สุดแล้วครับ จากดร.บอย |
