ลองอ่านพรบ. ชดเชยส่งออก เป็น 1 ใน 4 พรบ.ใช้สอน อันนี้ง่ายสุดแล้ว ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็หาคนสอนได้คับ
ดร.ชูเกียรติ |
พระราชบัญญัติ ชดเชยคาภาษอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไวณ วันที่๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ เปนปที่๓๖ ในรัชกาลปจจบุัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติชดเชยคาภาษีอากรสินคา สงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔” มาตรา ๒ ๑ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเปนตนไป มาตรา ๓ บรรดาบทกฎหมาย กฎ ประกาศ ระเบียบหรือขอบังคับอื่นในสวนที่มี บัญญัติไวแลวในพระราชบัญญัตินี้หรือที่ขัดหรือแยงกับบทแหงพระราชบัญญัตินี้ใหใช พระราชบัญญัตินี้แทน มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ “สินคา” หมายความวาสินคาที่ผลิตในราชอาณาจักร “ผลิต” หมายความวา ประกอบ แปรรูป แปรสภาพ หรือทําการอยางใดอยาง หนึ่งใหมีขึ้นซึ่งสินคาไมวาดวยวิธีใดๆ “การสงสินคาออก” หมายความวา (๑) การสงของออกตามกฎหมายวาดวยศุลกากร (๒) การขายสินคาใหแกสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ตามโครงการเงินกูหรือ เงินชวยเหลือจากตางประเทศ ตามที่คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๑๑ (๗) ๑ ราชกิจจานุเบกษาเลม ๙๘/ตอนที่๑๓๓/ฉบับพิเศษ หนา ๑/๑๔ สิงหาคม ๒๕๒๔- ๒ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๓) การขายสินคาที่จําแนกประเภทไวในภาคที่วาดวยของที่ไดรับยกเวนอากร ตามกฎหมายวาดวยพิกัดอัตราศุลกากรใหแกองคการระหวางประเทศหรือหนวยงานใดที่มีสิทธินํา สินคานั้นเขามาในราชอาณาจักรไดตามที่คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๑๑ (๘) “เงินชดเชย” หมายความวา เงินที่จะจายชดเชยคาภาษีอากรซึ่งมีอยูในตนทุน การผลิตสินคาสงออก ใหแกผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยในรูปของบัตรภาษี “ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชย” หมายความวา ผูทําการสงสินคาออกตาม พระราชบัญญัตินี้ “คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการพิจารณาชดเชยคาภาษีอากร สินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร “พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา ผูซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งใหปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัตินี้ “อธิบดี” หมายความวา อธิบดีกรมศุลกากร “รัฐมนตรี” หมายความวารัฐมนตรีผูรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ ใหมีคณะกรรมการพิจารณาชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตใน ราชอาณาจักรคณะหนึ่ง ประกอบดวยปลัดกระทรวงการคลังเปนประธานกรรมการ อธิบดี กรมศุลกากร ผูอํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง ผูแทนกระทรวงเกษตรและสหกรณผูแทน กระทรวงพาณิชยผูแทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผูทรงคุณวุฒิอีกไมเกินหาคนซึ่งคณะรัฐมนตรี แตงตั้งเปนกรรมการ กรรมการผูทรงคุณวุฒิจะตองไมเปนขาราชการการเมือง ผูดํารงตําแหนงในทาง การเมือง กรรมการหรือผูดํารงตําแหนงที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง หรือเปนผูมี สวนไดเสียโดยตรงในกิจการที่อาจไดรับเงินชดเชย คณะกรรมการจะแตงตั้งบุคคลใดเปนเลขานุการคณะกรรมการก็ได มาตรา ๖ ใหกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแตงตั้งอยูในตําแหนงคราวละสองป กรรมการซึ่งพนจากตําแหนงอาจไดรับแตงตั้งใหมได ใหกรรมการที่พนจากตําแหนงตามวาระปฏิบัติหนาที่ไปพลางกอนจนกวาจะมการ ี แตงตั้งใหม มาตรา ๗ นอกจากพนจากตําแหนงตามวาระตามมาตรา ๖ กรรมการซึ่ง คณะรัฐมนตรีแตงตั้งพนจากตําแหนงเมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรีใหออก (๔) เปนบุคคลลมละลาย (๕) เปนคนไรความสามารถหรือคนเสมือนไรความสามารถ- ๓ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (๖) ไดรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดใหจําคุก เวนแตเปนโทษสําหรับ ความผิดที่ไดกระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ (๗) มีลักษณะตองหามตามมาตรา ๕ วรรคสอง ในกรณีที่มีการแตงตั้งกรรมการในระหวางที่กรรมการซึ่งแตงตั้งไวแลวยังมีวาระ อยูในตําแหนงไมวาจะเปนการแตงตั้งเพิ่มขึ้นหรือแตงตั้งซอม ใหผูไดรับแตงตั้งนั้นอยในต ู าแหน ํ ง เทากับวาระที่เหลืออยูของกรรมการซึ่งไดแตงตั้งไวแลวนั้น มาตรา ๘ การประชุมคณะกรรมการตองมีกรรมการมาประชุมไมนอยกวากึ่ง หนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเปนองคประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมใหถือเสียงขางมาก กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งใน การลงคะแนน ถาคะแนนเสียงเทากันใหประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเปน เสียงชี้ขาด มาตรา ๙ การประชุมคณะกรรมการ ถาประธานกรรมการไมอยูในที่ประชุม หรือไมสามารถปฏิบัติหนาที่ไดใหกรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเปนประธานในที่ ประชุม มาตรา ๑๐ ใหคณะกรรมการมีอํานาจแตงตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการ อยางใดอยางหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ใหนํามาตรา ๘ และมาตรา ๙ มาใชบังคับแกการประชุมของคณะอนุกรรมการ มาตรา ๑๑ คณะกรรมการมีอํานาจหนาที่ดังตอไปนี้ (๑) กําหนดอัตราเงินชดเชยสําหรับชนิดและหรือประเภทสินคาที่จะไดรับเงิน ชดเชย (๒) กําหนดชนิดและหรือประเภทสินคาที่ไมไดรับเงินชดเชยตามมาตรา ๑๒ (๓) (๓) ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงอัตราเงินชดเชย (๔) กําหนดหลักเกณฑวิธีการเงื่อนไขและกําหนดเวลา การจายเงินชดเชย (๕) กําหนดภาษีอากรที่ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยจะนําบัตรภาษีไปชําระไดตาม มาตรา ๑๘ (๔) (๖) กําหนดภาษีอากรที่ยกเวนไมจายเงินชดเชยตามมาตรา ๑๓ (๕) (๗) กําหนดหลักเกณฑการขายสินคาใหแกสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตาม โครงการเงินกูหรือเงินชวยเหลือจากตางประเทศ ที่ใหถือวาเปนการสงสินคาออกตาม พระราชบัญญัตินี้แตทั้งนี้คาของสินคาดังกลาวทั้งหมดหรือบางสวนจะตองชําระจากเงินกูหรือเงิน ชวยเหลือจากตางประเทศ- ๔ (๘) กําหนดประเภทสินคาที่จําแนกประเภทไวในภาคที่วาดวยของที่ไดรับ ยกเวนอากรตามกฎหมายวาดวยพิกัดอัตราศุลกากรที่ขายใหแกองคการระหวางประเทศหรือ หนวยงานใดที่มีสิทธินําสินคานั้นเขามาในราชอาณาจักรไดที่ใหถือวาเปนการสงสินคาออกตาม พระราชบัญญัตินี้ (๙) อํานาจหนาที่อื่นตามที่กําหนดไวในพระราชบัญญัตินี้ การใชอํานาจตาม (๑) (๒) (๓) (๔) (๕) และ (๖) จะกระทําไดตอเมื่อไดรับ อนุมัติจากรัฐมนตรีกอน และตองประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายใตบังคับมาตรา ๑๖ วรรคสอง การประกาศกําหนดอัตราเงินชดเชยตาม (๑) ใหใชบังคับตามวันที่กําหนดไวในประกาศแตจะใชบังคับกอนวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไมได มาตรา ๑๒ เมื่อคณะกรรมการไดกําหนดอัตราเงินชดเชยตามมาตรา ๑๑ (๑) แลว การสงสินคาออกใหไดรับเงินชดเชยตามพระราชบัญญัตินี้เวนแตสินคาดังตอไปนี้หามมิให ไดรับเงินชดเชย (๑) แรตามกฎหมายวาดวยแร (๒) สินคาที่ตองเสียภาษีอากรหรือคาธรรมเนียมเมื่อสงออก (๓) สินคาที่คณะกรรมการกําหนดไมใหไดรับเงินชดเชย มาตรา ๑๓ คาภาษีอากรที่จะกําหนดเงินชดเชยใหไดแกภาษีอากรบรรดาที่มีอยู ในมูลคาของวัสดุอุปกรณอะไหล เครื่องจักร เชื้อเพลิง และพลังงานอยางอื่นที่ใชในการผลิต สินคานั้นแตไมรวมถึง (๑) ภาษีเงินได (๒) คาภาคหลวง หรือคาภาระอยางอื่นที่เรียกเก็บจากทรัพยากรธรรมชาติ (๓) ภาษีอากรที่อาจขอคืนไดตามกฎหมายอยูแลวเวนแตกรณีที่ไมใชสิทธิขอ คืนตามกฎหมาย และคณะกรรมการเห็นสมควรใหไดรับเงินชดเชย (๔) ภาษีอากรที่ราชการสวนทองถิ่นจัดเก็บเปนรายไดของราชการสวนทองถิ่น (๕) ภาษีอากรตามที่คณะกรรมการกําหนด มาตรา ๑๔ การกําหนดอัตราเงินชดเชยใหกําหนดเปนอัตราทั่วไป เวนแตใน กรณีที่มีเหตุพิเศษจะกําหนดอัตราเงินชดเชยใหแตกตางไปจากอัตราทั่วไปก็ไดตามควรแกกรณี การกําหนดอัตราเงินชดเชยตามวรรคหนึ่งจะกําหนดตามสภาพตามราคาสงออก ตามประเภทพิกัดอัตราศุลกากร หรือตามชนิดหรือประเภทของของที่สงออก หรือโดยวิธีอื่นก็ได ในกรณีที่กําหนดตามราคาสงออก ใหถือราคาสําหรับของขาออกตามกฎหมายวา ดวยศุลกากรเปนราคาสงออก เวนแตกรณีที่มีการกําหนดราคาเฉลี่ยตามหลักเกณฑที่รัฐมนตรี กําหนดใหถือราคาเฉลี่ยดังกลาวเปนราคาสงออก และราคาเฉลี่ยที่กําหนดจะใชบังคับเกินหนึ่งป มิได- ๕ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๑๕ ใหกรมศุลกากร กรมสรรพากร และกรมสรรพสามิตกันเงินภาษี อากรที่สวนราชการนั้นไดจัดเก็บหรือรับไวเพื่อจายเปนเงินชดเชยโดยไมตองนําสงเขาเปนรายได แผนดินตามกฎหมายวาดวยวิธีการงบประมาณและกฎหมายวาดวยเงินคงคลัง ทั้งนี้ตาม หลักเกณฑที่รัฐมนตรีกําหนด การกันเงินภาษีอากรตามวรรคหนึ่งจะตองไมเกินรอยละหนึ่งของภาษีอากรที่ได จัดเก็บหรือรับไวเวนแตในกรณีมีเหตุอันควรรัฐมนตรีจะสั่งใหกันเพิ่มเกินรอยละหนึ่งก็ไดแต จะตองไมเกินรอยละสอง มาตรา ๑๖ ผูใดประสงคจะใหมีการกําหนดอัตราเงินชดเชยสําหรับสินคาที่ คณะกรรมการยังมิไดกําหนดอัตราเงินชดเชยใหยื่นคําขอตอคณะกรรมการเพื่อกําหนดอัตราเงิน ชดเชยสําหรับสินคานั้นไดตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด ในกรณีที่มีการยื่นคําขอตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการจะประกาศกําหนดอัตรา เงินชดเชยใหมีผลบังคับยอนหลังก็ไดแตจะยอนหลังไปชดเชยสําหรับการสงสินคาออกที่กระทํา ไปกอนวันที่มีการยื่นคําขอเกินหกเดือนไมได มาตรา ๑๗ การขอรับเงินชดเชยใหผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยซึ่งประสงคจะขอรับ เงินชดเชยยื่นคําขอรับเงินชดเชยตามแบบและวิธีการที่กรมศุลกากรกําหนด และตองยื่นคําขอ ภายในหนึ่งปนับแตวันสงสินคาออก เวนแตในกรณีที่มีการกําหนดอัตราเงินชดเชยยอนหลังตาม มาตรา ๑๖ วรรคสอง ผูที่มีสิทธิไดรับเงินชดเชยสําหรับการสงสินคาออกที่ไดกระทําไปกอนวัน ประกาศกําหนดอัตราเงินชดเชยในราชกิจจานุเบกษา ตองยื่นคําขอภายในหนึ่งปนับแตวันประกาศ ดังกลาว มาตรา ๑๘ การจายเงินชดเชยใหเปนไปตามหลักเกณฑวิธีการ เงื่อนไข และ กําหนดเวลาที่คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา ๑๑ (๔) โดยใหกรมศุลกากรจายเปนบัตรภาษี เพื่อใหผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยนําไปชําระภาษีอากรดังตอไปนี้ (๑) ภาษีอากรที่กรมศุลกากร กรมสรรพากร หรือกรมสรรพสามิตจัดเก็บ ซึ่งผูมี สิทธิไดรับเงินชดเชยมีหนาที่ตองเสีย (๒) ภาษีหัก ณ ที่จาย ซึ่งผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยมีหนาที่ตองนําสงตาม ประมวลรัษฎากร (๓) ภาษีอากรที่กรมศุลกากร กรมสรรพากร หรือกรมสรรพสามิตจัดเก็บแทน ราชการสวนทองถิ่น ซึ่งผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยมีหนาที่ตองเสีย (๔) ภาษีอากรอื่นที่คณะกรรมการเห็นสมควรใหนําบัตรภาษีไปชําระได มาตรา ๑๙ บัตรภาษีมีสองชนิด คือ (๑) ชนิดบอกราคา (๒) ชนิดไมบอกราคา- ๖ แบบ ลักษณะ ราคาและรายละเอียดของบัตรภาษีใหเปนไปตามที่กําหนดใน กฎกระทรวง มาตรา ๒๐ บัตรภาษีใหมีอายุสามปนับแตวันที่ออก แตถาอธิบดีเห็นสมควรอาจ พิจารณาตออายุบัตรภาษีใหไดในกรณีดังตอไปนี้ (๑) ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยไมสามารถนําบัตรภาษีที่ไดรับไปชําระภาษีอากรใด ไดเพราะเปนผูไดรับยกเวนภาษีอากรตามกฎหมายวาดวยการสงเสริมการลงทุน (๒) ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยไมสามารถนําบัตรภาษีที่ไดรับไปใชประโยชนได ภายในกําหนดอายุของบัตรภาษีนั้น การตออายุบัตรภาษีตามวรรคหนึ่งใหอธิบดีพิจารณาตออายุใหไดคราวละสามป และจะพิจารณาตออายุบัตรภาษีใหไดไมเกินสองคราว การยื่นคําขอใหตออายุบัตรภาษีตองยื่นกอนบัตรภาษีหมดอายุและใหยื่นคําขอ ตามระเบียบที่กรมศุลกากรกําหนด มาตรา ๒๑ ในกรณีที่ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยเห็นวาตนจะไมสามารถนําบัตร ภาษีที่จะไดรับไปใชประโยชนไดผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยจะขออนุมัติจากอธิบดีเพื่อโอนสิทธิใน บัตรภาษีไปใหแกบุคคลอื่นก็ไดโดยยื่นคําขอตามหลักเกณฑและวิธีการที่คณะกรรมการกําหนด แตการขอโอนสิทธิตามมาตรานี้จะตองกระทํากอนการออกบัตรภาษี มาตรา ๒๒ บัตรภาษีที่ออกใหตองเปนบัตรภาษีระบุชื่อผูถือและจะโอนแกกัน มิไดเวนแตไดรับอนุมัติจากอธิบดีในกรณีดังตอไปนี้ (๑) การโอนใหทายาทผูรับโอนกิจการของผูมีชื่อในบัตรภาษีซึ่งถึงแกความตาย (๒) การโอนใหผูซึ่งรับโอนกิจการของผูมีชื่อในบัตรภาษีมาดําเนินการตอไป (๓) การโอนใหแกบริษัทหรือหางหุนสวนนิติบุคคลใหมอันเกิดจากการควบเขา กันระหวางนิติบุคคลผูมีชื่อในบัตรภาษีและนิติบุคคลอื่น (๔) การโอนใหแกบุคคลอื่นที่มีสวนเกี่ยวของกับกิจการของผูมีชื่อในบัตรภาษี ในกรณีอนุมัติตาม (๔) อธิบดีจะอนุมัติไดตอเมื่อไดรับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการ มาตรา ๒๓ ผูรับโอนตามมาตรา ๒๒ (๑) ตองนําบัตรภาษีของผูโอนมาขอ เปลี่ยนบัตรภาษีใหมภายในอายุของบัตรที่กําหนดไวในบัตรภาษีเดิม หรือภายในหนึ่งปนับแตวันที่ ผูมีชื่อในบัตรภาษีถึงแกความตายแลวแตวันใดจะเปนวันหลัง สําหรับผูรับโอนตามมาตรา ๒๒ (๒) (๓) หรือ (๔) ตองนําบัตรภาษีของผูโอน มาขอเปลี่ยนบัตรภาษีใหมภายในอายุของบัตรที่กําหนดไวในบัตรภาษีเดิม เวนแตในกรณีที่อธิบดี เห็นสมควรจะผอนผันใหนําบัตรภาษีมาขอเปลี่ยนบัตรภาษีใหมภายในหกสิบวันนับแตวันที่บัตร ภาษีหมดอายุก็ได- ๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา บัตรภาษีที่ออกใหใหมมีอายุการใชเทากับบัตรภาษีเดิมและอาจตออายุไดอีก ตามที่กําหนดในมาตรา ๒๐ มาตรา ๒๔ ในกรณีที่บัตรภาษีชํารุด สูญหาย หรือถูกทําลายใหผูมีชื่อในบัตร ภาษียื่นความจํานงขอรับบัตรภาษีใหมแทนตามระเบียบที่กรมศุลกากรกําหนด บัตรภาษีที่ออกใหใหมตามวรรคหนึ่งมีอายุการใชและอาจตออายุไดอีกเพียง เทาที่มีอยูในบัตรภาษีเดิม มาตรา ๒๕ ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ใหกรรมการและพนักงาน เจาหนาที่มีอํานาจดังตอไปนี้ (๑) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาใหถอยคํา หรือแจงขอเท็จจริงหรือทําคําชี้แจง เปนหนังสือหรือใหสงบัญชีทะเบียน เอกสารหลักฐานใด เพื่อตรวจสอบหรือเพื่อประกอบการ พิจารณา (๒) เขาไปในสถานที่ที่ทําการสถานที่ผลิต หรือสถานที่เก็บสินคาของผูยื่นคํา ขอใหกําหนดอัตราเงินชดเชย หรือผูยื่นคําขอรับเงินชดเชย ในระหวางพระอาทิตยขึ้นถึง พระอาทิตยตก หรือในเวลาทําการเพื่อตรวจสอบเอกสาร หลักฐานหรือสิ่งใดอันเกี่ยวกับการยื่นคํา ขอของผูนั้น ในการนี้ใหมีอํานาจสอบถามขอเท็จจริงหรือเรียกบัญชีทะเบียน เอกสาร หรือ หลักฐานจากผูนั้น หรือจากบุคคลที่เกี่ยวของ มาตรา ๒๖ ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ใหกรรมการและพนักงาน เจาหนาที่เปนเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗ ในการปฏิบัติหนาที่พนักงานเจาหนาที่ตองแสดงบัตรประจําตัวตอ บุคคลซึ่งเกี่ยวของ บัตรประจําตัวใหเปนไปตามแบบที่กําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ผูยื่นคําขอใหกําหนดอัตราเงินชดเชยตามมาตรา ๑๖ หรือ ผูยื่นคําขอรับเงินชดเชยตามมาตรา ๑๗ ไมใหความรวมมือหรือไมอํานวยความสะดวกตามสมควร ในการปฏิบัติงานของกรรมการหรือพนักงานเจาหนาที่ คณะกรรมการหรืออธิบดีแลวแตกรณีมี อํานาจยกคําขอใหกําหนดอัตราเงินชดเชย หรือยกคําขอรับเงินชดเชยของผูนั้นทั้งหมดหรือ บางสวนได มาตรา ๒๙ ในกรณีที่มีการสงสินคาคืนและตองคืนเงินคาสินคานั้นใหแก ผ ซูอผื้ มูี สิทธิไดรับเงินชดเชยซึ่งไดรับเงินชดเชยไปแลวตองคืนเงินชดเชยเปนจํานวนตามสวนของสินคาที่ รับคืนใหกรมศุลกากร ภายในหกสิบวันนับแตวันที่นําสินคาเขา หรือภายในหกสิบวันนับแตวัน ไดรับสินคาคืนสําหรับกรณีที่ขายสินคาภายในประเทศ- ๘ - ในกรณีที่ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยไมชําระคืนเงินชดเชยภายในกําหนดเวลาตาม วรรคหนึ่ง ผูมีสิทธิไดรับเงินชดเชยตองเสียเงินเพิ่มอีกรอยละสองตอเดือนหรือเศษของเดือนของ เงินชดเชยที่ตองชําระคืนจนกวาจะชําระคืนเงินชดเชยครบถวน มาตรา ๓๐ ผูใดไมใหถอยคําหรือไมสงเอกสาร หรือหลักฐานแกกรรมการหรือ พนักงานเจาหนาที่ซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา ๒๕ หรือขัดขวางหรือไมอํานวยความสะดวกแก กรรมการหรือพนักงานเจาหนาที่ดังกลาว ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหนึ่งเดือน หรือปรับไมเกิน หาพันบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา ๓๑ ผูใดแจงความเท็จหรือใหถอยคําเท็จหรือตอบคําถามดวยถอยคําอัน เปนเท็จหรือนําพยานหลักฐานเท็จ มาแสดงกับคณะกรรมการหรือพนักงานเจาหนาที่เพื่อใหมีการ ประกาศกําหนดอัตราเงินชดเชย หรือเพื่อใหมีการจายเงินชดเชยใหแกตนเองหรือผูอื่นตาม ขอความถอยคําหรือพยานหลักฐานอันเปนเท็จนั้น ตองระวางโทษจําคุกไมเกินหาปหรือปรับไม เกินหาหมื่นบาทหรือไมเกินสี่เทาของเงินชดเชยที่ขอหรือที่จายใหแลวแตจํานวนใดจะสูงกวาหรือ ทั้งจําทั้งปรับ มาตรา ๓๒ ในกรณีที่ผูกระทําความผิดซึ่งตองรับโทษ ตามมาตรา ๓๐ หรือ มาตรา ๓๑ เปนนิติบุคคล ผูดําเนินกิจการหรือผูแทนของนิติบุคคลนั้นตองรับโทษตามที่กฎหมาย กําหนดสําหรับความผิดนั้นๆ ดวยเวนแตจะพิสูจนไดวาตนมิไดมีสวนในการกระทําความผิดของ นิติบุคคลนั้น มาตรา ๓๓ ประกาศและระเบียบของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการใหความ ชวยเหลือแกผูสงสินคาออกในทางภาษีอากร และการใหความชวยเหลือแกผูขายสินคาใหแกสวน ราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามโครงการเงินกูหรือเงินชวยเหลือจากตางประเทศ และการใหความ ชวยเหลือในทางภาษีอากรแกผูขายสินคาใหแกองคการระหวางประเทศ รวมทั้งประกาศอัตราเงิน ชดเชยคาภาษีอากร ที่ใชบังคับอยูกอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับ ใหใชบังคับอยูตอไปเสมือน หนึ่งเปนประกาศหรือระเบียบตามพระราชบัญญัตินี้จนกวาจะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เทาที่ไมขัด หรือแยงกับบทบัญญัติแหงพระราชบัญญัตินี้ ใหถือวาคําขอที่เกี่ยวกับการใหความชวยเหลือในทางภาษีอากรที่ไดยื่นไวตาม ประกาศและระเบียบเดิมดังกลาวตามวรรคหนึ่ง ที่คางพิจารณาอยูในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช บังคับเปนคําขอที่ยื่นตามพระราชบัญญัตินี้และใหผูที่ไดยื่นคําขอคงไดรับสิทธิและประโยชนตาม หลักเกณฑและเงื่อนไขที่กําหนดไวในประกาศและระเบียบเดิม มาตรา ๓๔ ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และใหมีอํานาจแตงตั้งพนักงานเจาหนาที่ กับออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการใหเปนไปตาม พระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงเมื่อไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบังคับได- ๙ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผูรับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี- ๑๐ |
ดร.ชูเกียรติ |
ภาษาของทางศุลกากรจะเป็นภาษาเฉพาะ ถ้าไม่เคยทำงานหรือได้สัมผัสกับงานศุลกากรจะเข้าใจลำบากครับ ยกตัวอย่าง คลังสินค้าทัณฑ์บน มีบางสถาบันให้ความหมายว่า สถานที่เก็บสินค้าผิดกฎหมาย ผมฟังแล้วจะเป็นลมครับ ถ้าไม่เข้าใจจริง ๆ ก็ควรที่จะหาคนที่รู้จริงครับ หวังว่าคงตอบปัญหานะครับ สอบผ่านสัมภาษณ์ ธกส. แล้วอย่าลืมแวะมารับรางวัลด้วยนะครับ |
อรรธพล พลอยกระโทก |
อาจารย์ ผมอ่านแล้ว เหมือนวกไปวนมา ไม่ค่อยเข้าใจภาษา แบบนี้ครับ ทำยังไงให้เข้าใจได้รัดกุมและชัดเจนมากขึ้นคับ |
